ประวัติทีมชาติ

ย้อนกลับไปในช่วงของต้นประวัติศาสตร์ ชาวเดนมาร์กได้เริ่มสร้างชื่อให้กับตัวเองในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกเกมส์ครั้งแรก ในปี 1906 ซึ่งทีมประกอบไปด้วยผู้เล่นฟุตบอลจากสมาคมฟุตบอลโคเปนเฮเกน (Copenhagen Football ) ปรากฏว่าสามารถเอาชนะทีมกรีซได้หนึ่งทีมและอีกสองสโมสรจากจักรวรรดิออตโตมันเพื่อใช้เป็นการอ้างสิทธิ์เข้าชิงเหรียญทองอย่างไม่เป็นทางการ และในอีก 2 ปี ถัดมา พวกเขายังสามารถคว้าเหรียญเงินในการแข่งขันฟุตบอลอย่างเป็นทางการได้ครั้งแรกในโอลิมปิกเกมส์ หลังจากนั้น พวกเขายังคงสร้างผลงานที่โดดเด่นมาเรื่อยๆ จนคว้าเหรียญเงินอีกเหรียญได้ในปี 1912 ซึ่งนั่นคือจุดเริ่มต้นที่ทำให้ทีมเดนมาร์กได้รับการยกย่องและจัดอันดับให้เป็นทีมที่ดีที่สุดในโลก (ได้รับการจัดอันดับจาก ELO) แต่ถึงแม้ว่ามันจะเป็นเรื่องที่น่ายินดีสำหรับทีมเดนมาร์ก แต่สำหรับสหพันธ์ฟุตบอลเดนมาร์ก (DBU) ก็ยังไม่ได้มีความสนใจในทีมฟุตบอลต่างประเทศมากนัก จนกระทั่งปี 1920-1948 พวกเขาตกลงเล่นนัดกระชับมิตรและเข้าร่วมการแข่งขันชิงแชมป์นอร์ดิกระดับภูมิภาค การแข่งขันครั้งนี้ถึงแม้จะทำให้ผู้คนหันมาสนใจในทีมมากขึ้นแต่ฟุตบอลในเดนมาร์กก็ยังคงเป็นงานอดิเรกสำหรับพวกเขาอยู่ดี และนั่นทำให้ทีมเดนมาร์กมองว่ายังไม่ได้รับความสำคัญหรือได้รับการสนับสนุนเท่าที่ควรทำให้นักฟุตบอลในทีมที่มีความสามารถและเก่งที่สุดหลายคนต่างเลิกเล่นและออกจากประเทศเพื่อไปแสวงหาโชคที่อื่น และในปี 2507 นี่เองที่เดนมาร์กได้เริ่มใช้ประโยชน์จากการจับฉลากเพื่อผ่านเข้ารอบการแข่งขันชิงแชมป์ยุโรป ในที่สุดพวกเขาก็สามารถจบอันที่ 4 ได้ ถึงแม้จะแพ้ให้กับสหภาพโซเวียตและฮังการี แต่ยิ่งไปกว่านั้นคือสหพันธ์ฟุตบอลเดนมาร์ก (DBU) ได้เริ่มมองเห็นความสำคัญของทีมฟุตบอลขึ้นมาบ้างแล้วโดยในที่สุดก็ตัดสินใจให้การสนับสนุนอนุญาตให้มีผู้เล่นมืออาชีพอยู่ในทีมพร้อมทั้งเริ่มเปิดตัวการเล่นในลีคเดนมาร์กเช่นกัน เป็นการปูทางให้กับทีมชาติได้เข้าสู่วงการฟุตบอลระดับต่างชาติมากขึ้น

ผลงานและการเข้าร่วมการแข่งขัน

นับตั้งแต่ปี 1983 ทีมชาติเดนมาร์กได้สร้างผลงานที่ยอดเยี่ยมมาอย่างต่อเนื่อง เดนมาร์กสามารถชนะเลิศในการแข่งขันชิงแชมป์ยุโรป ในปี 1992 ที่ประเทศสวีเดน โดยเอาชนะทีมแชมป์เก่าอย่างเนเธอร์แลนด์ ในรอบรองชนะเลิศและแชมป์โลก เยอรมนีในรอบชิงชนะเลิศ ทีมก็ยังสามารถชนะเลิศ คิงส์ฟาฮัดคัพ 1995 โดยเอาชนะอาร์เจนตินาในรอบชิงชนะเลิศ และผลงานที่ดีที่สุดในบอลโลกของพวกเขาคือ ความสำเร็จที่เกิดขึ้นในปี 1998 ถึงแม้พวกเขาจะแพ้บราซิลไปอย่างหวุดหวิด 3-2 ในรอบก่อนรองชนะเลิศแต่เดนมาร์กยังสามารถเข้ารอบที่สองในฟุตบอลโลกได้ในปี 1986 , 2002 และ 2018

ผู้เล่นปัจจุบัน

1. แคสเปอร์ ยูลมันด์  (ผู้จัดการทีม)

4. โยอาคิม ฮันเดอร์เซน (กองหลัง)

7. ซิมง เคียร์ (กองหลัง)

10. ปิแอร์–เอมิล ฮอย เบียร์ก (กองกลาง)

13. ดาเนียล วาสส์ (กองกลาง)

16. อันเดรียส สคอฟ โอลเซน (ตัวรุก)

19. โยอาคิม เมห์เล (กองหลัง)

22. มาร์ติน เบรธเวท (ตัวรุก)

2. เฟรเดริค รอนโนว์ (ผู้รักษาประตู)

5. แมธไทอัส จอร์เกนสัน (กองหลัง)

8. ยานนิค เวสเตอร์การ์ด (กองหลัง)

11. มิคเคล ดัมส์การ์ด (กองกลาง)

14. อันเดรียส คอร์เนลิอุส (ตัวรุก)

17. โรเบิร์ต สคอฟ (ตัวรุก)

20. อันเดรียส คริสเตนเซน (กองหลัง)

23. ยุสซุฟ โพลเซน (ตัวรุก)

3. แคสเปอร์ ชไมเคิล (ผู้รักษาประตู)

6. เยนส์ สตรีเกอร์ ลาร์เซน (กองหลัง)

9. มาธิอัส เยนเซน (กองกลาง)

12. คริสเตียน นอร์การ์ด (กองกลาง)

15. แคสเปอร์ ดอลเบิร์ก (ตัวรุก)

18. คริสเตียน อีริคเซน (กองกลาง)

21. โธมัส เดลานีย์ (กองกลาง)

24. อันเดอร์ส คริสเตียนเซน (กองกลาง)

ภาพลักษณ์ และสนามแข่งขัน

todayline

ทีมฟุตบอลชาติเดนมาร์ก หมายถึง การเป็นตัวแทนของประเทศเดนมาร์กในการแข่งขันฟุตบอลชายระดับนานาชาติ ถูกควบคุมโดยสมาคมฟุตบอลเดนมาร์ก (DBU) หากพูดถึงชื่อเสียงของเดนมาร์กนอกจากทีมชาติแล้ว ทีมชาติเดนมาร์กยังมีชื่อเสียงสำหรับแฟนบอลชาวญี่ปุ่นที่รู้จักกันในนามของโรลิแกรนส์ โดยจุดเริ่มต้นของความสัมพันธ์ในครั้งนี้มาจากอดีตที่ย้อนกลับไปเมื่อปี 2002 ประเทศญี่ปุ่นได้เป็นเจ้าภาพร่วมฟุตบอลโลกกับเกาหลีใต้ซึ่งทั้งสองชาตินี้ต่างมีแหล่งท่องเที่ยวที่สวยงามมากมายเหมาะกับการเป็นแคมป์สำหรับการพักผ่อนของทีมที่ผ่านเข้ารอบสุดท้าย ซึ่งแน่นอนหลายๆทีมมักเลือกสถานที่สำคัญๆ เมืองใหญ่ๆ เป็นแคมป์แต่สำหรับชาติเดนมาร์กเลือกเมืองวากายามะของญี่ปุ่น ซึ่งการตัดสินใจเลือกเมืองวากายามะทำให้ชาวเมืองนั้นซาบซึ้งใจในการตัดสินใจของทีมเป้นอย่างมาก จึงตัดสินใจตั้งกลุ่ม วากายามะ โรริแกนส์ ขึ้นเพื่อเป็นขวัญและกำลงใจให้กับทีมเดนมาร์กนั่นเอง นั่นจริงเป็นสาเหตุที่มักได้เห็นกลุ่มวากายามะ โรลิแกนส์ ส่งแรงเชียร์ให้ทีมชาติเดนมาร์กในสนามซ้อมและทุกเกมการแข่งขัน ก่อนทีมจะสร้างผลงานให้โลกตะลึงด้วยการล้มแชมป์เก่าตกรอบแรกไปทันที ซึ่งทีมชาติเดนมาร์กก็รู้สึกปลื้มใจกับการมีอยู่ของกองเชียร์กลุ่มนี้เป็นอย่างมาก อย่างไรก็ตามชื่อเสียงที่ดีของทีมก็มักถูกทำให้เสียชื่อได้เหมือนกันเพราะครั้งหนึ่งในรอบคัดเลือกการแข่งขันบอลยูโร ปี 2008 กับทีมสวีเดน มีแฟนบอลชาวเดนมาร์กไม่พอใจกับการตัดสินของกรรมการที่ตัดสินใจแจกใบแดงให้กับ Christian Poulsen และให้จุดโทษกับทีมสวีเดนในนาทีสุดท้าย ทันใดนั้นเอง แฟนบอลชาวแดนมาร์กจึงบุกเข้าสนามและพยายามจะบุกทำร้ายกรรมการ ด้วยเหตุนี้จึงทำให้การแข่งขันต้องหยุดลงทันที และมีการประกาสบทลงโทษให้แก่ทีมชาติเดนมาร์กทันที

สนามแข่งขัน ปัจจุบันใช้สนามกีฬาพาร์เคินในโคเปนเฮเกนเป็นสนามเหย้า สนามแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นตั้งแต่ปี 1990 -1992 สามารถจุผู้เข้าชมได้ทั้งหมด 38,065 คน สำหรับเกมฟุตบอล ส่วนความจุสำหรับคอนเสริตสามารถรองรับได้ถึง 50,000 คน สำหรับการเวทีสุดท้ายและสำหรับ 55,000 คน สำหรับการจัดเวทีไว้ตรงกลาง นอกจากนี้สนามกีฬาพาร์เคินยังได้รับคัดเลือกให้เป็นหนึ่งใน 12 สถานที่แข่งขันของยูฟ่ายูโร 2020 ในการแข่งขันรอบแบ่งกลุ่ม 3 นัดและ รอบ 16 ทีมสุดท้ายอีกด้วย

สถิติในการแข่งขัน

เกมยูโร 2020 ที่ผ่านมา คู่แรกในรอบ 16 ทีมสุดท้าย ทีมชาติเดนมาร์กยังสามารถโชว์ฟอร์มการเล่นที่ยอดเยี่ยมอย่างต่อเนื่องด้วยการไล่ขยี้ทีมชาติเวลส์ไปอย่างขาดลอย 4-0 ซึ่งเป็นผลงานของแคสเปอร์ ดอลเบิร์ก ทำคะแนนคนเดียวไปเลยถึง 2 ประตู นาทีที่ 27 , 48 และ โยอาคิม เมห์เล กับ มาร์ติน เบรธเวต อีกคนละประตู ในนาทีที่ 88 และ 90 +4 พร้อมกับการสร้างสถิติเป็นทีมยิง 4 ประตูในศึกยูโร รอบสุดท้าย 2 นัดติดต่อกัน ถือว่าเป็นสถิติใหม่ที่ดีเยี่ยม เพราะต้องบอกว่านี่คือครั้งแรกที่พวกเขานั้นเข้าถึงรอบ 8 ทีมสุดท้ายหากนับย้อนไปถึงปี 2004

ผลงาน 5 นัดหลังสุดของทีมชาติเดนมาร์ก

วันที่ 06/06/2021 ทีมชาติเดนมาร์ก 2-0 ทีมชาติบอสเนีย

วันที่ 12/06/2021 ทีมชาติเดนมาร์ก 0-01 ทีมชาติฟินแลนด์

วันที่ 17 /06/2021 ทีมชาติเดนมาร์ก 1-2 ทีมชาติเบลเยี่ยม

วันที่ 22 /06/2021 ทีมชาติรัสเซีย 1-4 ทีมชาติเดนมาร์ก

วันที่ 26/06/2021 ทีมชาติเวลส์ 0-4 ทีมชาติเดนมาร์ก

เกียรติประวัติและผู้เล่นคนสำคัญ

ทีมเดนมาร์กคือผู้ชนะศึกยูโรในปี 1992 ถือเป็นเกียรติประวัติของทีมและถือเป็นการสร้างผลงานที่เป็นหนึ่งในตำนานที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ฟุตบอล

ผู้เล่นที่เป็นดาวเด่นของทีมเดนมาร์ก

  1. แคสเปอร์ ชไมเคิล (ผู้รักษาประตู) แคสเปอร์เป็นลูกชายของปีเตอร์เป็นตัวหยุดยิงที่ยอดเยี่ยม ซึ่งเคยได้รับรางวัล 60 แคปในการแข่งขันระดับนานาชาติมาแล้ว ปัจจุบันยังคงทำผลงานยอดเยี่ยมทำได้ 29 คลีนชีตในระหว่างการแข่งขันรอบคัดเลือกยูโรที่ผ่านมา ประสบการณ์ในทัวส์นาเมนต์ก่อนหน้าของเขาคือการได้เข้ารอบชิงชนะเลิศฟุตบอลโลก 2018
  2. ไซม่อน เคียร์ (กองหลัง) กองหลังที่ได้ขึ้นชื่อว่าไม่มีใครแทนได้ อีกทั้งยังพ่วงตำแหน่งกัปตันทีมชาติเดนมาร์ก เป็นตัวแทนของ 9 สโมสร ใน 6 ประเทศ โดยเขาปรากฏตัวครั้งแรกเมื่อ 10 ปีที่แล้วในรอบคัดเลือกของยูโร หน้าที่หลักของเขาคือการอยู่แนวป้องกัน ถือว่าเป็นผู้เล่นที่มีประสบการณ์มากที่สุดคนหนึ่งของทีมเดนมาร์ก
  3. คริสเตียน เอริคเซ่น (กองกลาง) เขาคือนักเตะที่เต็มไปด้วยทักษะและมีความคิดสร้างสรรค์ หนึ่งในคีย์เพลเยอร์ของทีม เขาคือหนึ่งในผู้ที่แข็งแกร่งของทีมเดนมาร์ก โดยเก็บสถิติไปได้ถึง 36 ประตูจาก 103 นัด
  4. มาร์ติน เบรธเวต (กองหน้า)  แม้ว่าครั้งหนึ่งเขาได้ถูกเรียกตัวเข้าไปเล่นในบาร์เซโลน่าเมื่อต้นปี 2020 แต่มันเป็นโอกาสดีที่เขานั้นได้สร้างประสบการณ์การฝึกซ้อมร่วมกับเมสซี่ แน่นอนว่าทักษะเพิ่มและเป็นประโยชน์ที่ดีต่อทีมเดนมาร์กได้ในระยะยาว