ประวัติทีมชาติ

ฟุตบอลตุรกีมีต้นกำเนิดมาตั้งแต่ปลายศตวรรษที่ 19 เมื่อชายชาวอังกฤษได้นำเกมฟุตบอลนี้เข้ามาด้วยในขณะที่อาศัยอยู่ในซาโลนิกา เป็นส่วนหนึ่งของจักรวรรดิตุรกี การแข่งขันลีกเกิดขึ้นครั้งแรกที่อิสตันบูลฟุตบอลลีก ลีกภูมิภาคสำหรับอิสตันบูลคลับเกิดขึ้นครั้งแรกในปี 1904-1905 ฤดูกาล ซึ่งไม่นานนักหลังจากการก่อตั้งสาธารณรัฐตุรกีและสหพันธ์ฟุตบอลตุรกี (TFF) ลีกระดับภูมิภาคอื่นๆ หลายแห่งก็ได้รับการจัดตั้งขึ้นอย่างเป็นทางการหรือได้รับสถานะอย่างเป็นทางการเพราะมีบางแห่งถูกจัดตั้งขึ้นก่อนหน้านี้แล้ว การแข่งขันครั้งแรกที่นำมาเป็นแชมป์ระดับชาติเป็นฟุตบอลชิงแชมป์ เริ่มขึ้นในปี 1924 -1951 รูปแบบการแข่งขันชิงแชมป์มีพื้นฐานมาจากการแข่งแบบน็อคเอาท์ ซึ่งเป็นการแข่งขันกันระหว่างผู้ชนะจากลีกระดับภูมิภาคชั้นนำของประเทศในช่วงปีแรก ๆ ซึ่งการแข่งขันชิงแชมป์ไม่สามารถจัดได้ต่อเพราะมีเงินทุนไม่เพียงพอเริ่มต้นในปี 1937 ที่กองแห่งชาติตุรกี เป็นลีกการแข่งขันระหว่างชาติในสโมสรที่แข่งแกร่งของอังการา ,อิสตันบูล , และ izmir ซึ่งถือว่าเป็นลีกเจ้าที่แข็งแกร่งในทศวรรษที่ผ่านมาจนถึงปี 1950 จากนั้นปี 2483 -2493 ทั้งสองระดับบนสุดที่กำลังประชันแข้งขันนั้นส่งผลให้ได้มีแชมป์ระดับชาติ 2 คน ภายในหนึ่งปี เนื่องจากดิวิชั่นแห่งชาติใช้รูปแบบลีกโดยมีแมตซ์เหย้าและเยือนเป็นประจำและมีจำนวนแมตซ์โดยรวมสูงกว่า รูปแบบการแข่งแบบนี้จึงได้รับความนิยมมาจนถึงปัจจุบัน

ผลงานและการเข้าร่วมการแข่งขัน

ทีมชาติตุรกีเข้าสู่รอบสุดท้ายของฟุตบอลโลกถึง 2 ครั้งในปี 1954 และ 2002 นอกจากนี้ทีมชาติตุรกียังเข้าสู่รอบสุดท้ายของฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรปในปี 1996 ,2000 และ 2008 ทีมได้เข้าร่วมสู่รอบรองชนะเลิศในการแข่งขันใหญ่ๆ ทั้ง 3 รายการอย่างต่อเนื่องไม่ว่าจะเป็น ฟุตบอลโลก 2002 จบอันดับที่ 3 ,ฟีฟ่าคอนเฟเดอเรซันส์คัพ 2003 จบอันดับที่ 3 และ ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2008 อีกด้วย นอกจากนี้ยังมีฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรปในปี 2016 ที่ฝรั่งเศสและตุรกีได้ผ่านเข้ารอบผลการแข่งขันปรากฎว่าทีมตุรกีได้อันดับที่ 3 จากการแพ้ 2 และชนะ 1 โดยกติกาใหม่นั้นให้กำหนดทีมที่ได้อันดับ 3 ทั้งหมดจาก 6 กลุ่มมีผลต่างของประตูได้เสียดีที่สุด 4 ทีมผ่านเข้าสู่รอบ 16 ทีมสุดท้าย ซึ่งตุรกียังมีคะแนนที่สู้ทีมอื่นไม่ได้จึงต้องตกรอบไปในที่สุด

ผู้เล่นปัจจุบัน

ภาพลักษณ์และสนามแข่งขัน

ชุดทีมชาติตุรกีมักจะนำธงชาติตุรกีมาไว้ที่หน้าอกด้านซ้าย จนถึงปี 2010 แต่ตั้งแต่ปี 2010 เป็นต้นไป พระจันทร์เสี้ยวและดาวฤกษ์ก็จะถูกเปลี่ยนภาพลักษณ์ใหม่ โดยชุดเหย้าของพวกเขานั้นจะเป็นสีแดงทั้งหมดตัดขอบด้วยสีขาว สีของชุดมักจะถูกเปลี่ยนสลับครั้งละ 2 ครั้ง ครั้งแรกในปี 2008 -2009 และครั้งที่สองในปี 2016-2019 ตามลำดับ และตั้งแต่ปี 2020 เป็นต้นไปก็จะถูกเปลี่ยนกลับเป็นสีปกติอีกครั้ง และผู้อยู่เบื้องหลังการสนับสนุนชุดกีฬาตุรกีคือ Adidas ระยะเวลา พ.ศ. 2525-2546 และ Nike ระยะเวลา พ.ศ. 2546-ปัจจุบัน

สนามของทีมชาติตุรกี คือ สนามกีฬาโอลิมปิกอตาเติร์ก หรือที่รู้จักกันในชื่อภาษาตุรกีว่า อาทาเทิร์คโอบิมปิยัทสตาดือ สนามกีฬาแห่งนี้ตั้งชื่อขึ้นตามผู้ก่อตั้งและเป็นประธานาธิบดีคนแรกของสาธารณรัฐตุรกีที่มีชื่อว่า มุสตาฟา เคมาล อตาเติร์ก เป็นสนามกีฬาที่อยู่ในอิสตันบูล ตุรกี เรียกได้ว่าเป็นสนามที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ สามารถจุที่นั่งคนได้ถึง 76,761 เลยทีเดียว สนามแห่งนี้ได้ถูกก่อตั้งขึ้นในปี 1999 และเสร็จสมบูรณ์ในปี 2002 ตัวโครงสร้างประกอบไปด้วยสองหลังคาเหล็กมีน้ำหนักถึง 2,800 ตันและ 1,300 ตัน หลังคาด่านทิศตะวันออกถูกออกแบบให้เป็นรูปพระจันทร์เสี้ยวและส่วนใหญ่จะถูกประกอบไปด้วยคานหลัก 1,000 ตัน รองรับเพลาคอนกรีตเสริมเหล็ก 2 ท่อน ระยะ 196 ม. ทางเข้ามี 134 ทางและมีทางออก 148 ประตู ภายใต้แนวคิดหากมีเหตุฉุกเฉินสามารถอพยพคนภายใน 7.5 นาที ได้เลย โครงสร้างพื้นฐานทางเทคนิคและการออกแบบของสนามกีฬาแห่งนี้ยังช่วยให้มองเห็นได้ทุกอัฒจันทร์ ระดับเสียงที่ฟังเป็นเนื้อเดียวกันพร้อมระบบลำโพงที่ทันสมัยและการส่องสว่าง ของแสงไฟนั้นครอบคลุมทุกพื้นที่ของสนามได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้สนามกีฬาโอลิมปิกอตาเติร์ก ยังเคยได้รับตำแหน่งว่าเป็นสปอร์ตคอมเพล็กซ์ระดับ 5 ดาว เคยเป็นเจ้าภาพการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศของยูฟ่า 2005 และการแข่งขันอื่นๆ ในระดับโลกมาแล้วมากมาย

สถิติในการแข่งขัน

ถึงแม้ว่าตุรกีอาจจะไม่ได้ไปเล่นฟุตบอลโลกที่รัสเซียเมื่อสามปีก่อน แต่หลังจากการสร้างทีมขึ้นมาใหม่ทำให้รู้สึกว่าตุรกีนั้นมีความแข็งแกร่งกว่าเดิม ดูได้จากการที่หลายๆ คนมองว่าพวกเขาคือหนึ่งในทีมม้ามืดประจำทัวร์นาเมนต์นี้เลย โดยครั้งนี้ทีมของกุนซือ เซนอล กูเนส ได้ผ่านเข้ารอบสุดท้ายได้ด้วยการคว้าอันดับ 2 ของกลุ่มเอชมาได้ในรอบคัดเลือกทั้งชนะที่เหนือฮอลแลนด์ นอร์เวย์ และ เออร์ลิ่ง ฮาแลนด์ ในช่วงที่ผ่านมา เป็นสถิติใหม่อย่างดีแล้วว่าทีมตุรกีนั้นสามารถต่อกรกับทีมใหญ่ๆ ในศึกฟุตบอลโลกได้เป็นอย่างดี

ผลงาน 5 นัดหลังสุด

วันที่ 19/11/2020 ทีมชาติตุรกี 0-2 ทีมชาติฮังการี

วันที่ 25/03/2021 ทีมตุรกี 4-2 ทีมฮอลแลนด์

วันที่ 28/03/2021 ทีมตุรกี 3-0 ทีมนอร์เวย์

วันที่31 /03/2021 ทีมตุรกี 3-3 ทีมลัตเวีย

วันที่ 27/05/2021 ทีมตุรกี 2-1 ทีมอาเซอร์ไบจาน

เกียรติประวัติและผู้เล่นคนสำคัญ

ตุรกีเคยเข้าสู่รอบสุดท้ายในฟุตบอลโลกถึง 2 ครั้ง ในปี 1954 และ 2002 ไม่นับรวมปี 1950 ซึ่งทีมได้ถอนตัวออกจากการแข่งขันไปก่อน นอกจากนี้ตุรกียังสามารถเข้าสู่รอบสุดท้ายในฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรปในปี 1996 , 2000 และ 2008

ผู้เล่นที่เป็นดาวเด่นของทีมตุรกี

1. บรัค ยิลมาซ กองหน้ากัปตันทีมวัย 35 ปีที่สามารถถล่มตาข่ายในทีมชาติไปแล้ว 28 ลูก ที่สำคัญเขายังมาพร้อมกับดีกรีแชมป์ลีก เอิงกับลีลล์ด้วยผลการยิงถึง 17 ประตู

2. เซนอล กูเนส ตำนานผู้รักษาประตูเจ้าของแชลีกตุรกี 6 สมัย กับแทร็บซอนสปอร์ เขาคือผู้ที่พาทีมไก่งวงคว้าอันดับที่ 3 ในฟุตบอลโลก 2002 ซึ่งเป็นเวิลล์ คัพ ครั้งล่าสุดของพวกเขา นอกจากนี้เซนอล กูเนส วัย 68 ปี ยังเคยพาเบซิคตัสเถลิงแชมป์ลีกมาแล้ว 2 สมัยก่อนจะกลับมาเป็นโค้ชให้กับทีมชาติตุรกีในปี 2019

3. ซากลาร์ โซยุนชู (กองหลัง)  ในปี 2018 สโมสรเลสเตอร์กำลังมองหาตัวแทน เวส มอร์แกน และโรเบิร์ต ฮัต ที่อยู่ในช่วงท้ายของชีวิตนักฟุตบอล ต่อมาฤดูกาล 2019-2020 คักลาร์ขึ้นมาเป็นตัวหลักของทีมทดแทนตำแหน่งที่เสียไปและเป็นโอกาสดีที่เขานั้นได้แจ้งเกิดกับเลสเตอร์ ซิตี้ จนกลายเป็นทีมที่มีโอกาสลุ้นไปเล่นยูฟ่าแชมป์เปี้ยนลีกในปัจจุบัน   ต้องยอมรับเลยว่าฟอร์มการเล่นของเขานั้นมีความแข็งแกร่งมากโดยเฉพาะความสามารถในการประกบคู่แข่งที่เหนียวแน่น ตลอด 90 นาที เรียกได้ว่ากัดไม่ยอมปล่อยเลยจริงๆ จนกลายเป็นหนึ่งในเซ็นเตอร์แบ็คที่ดีที่สุดของพรีเมียร์ลีกไปแล้วครึ่งฤดูกาล 2019- 2020 ซึ่งฟอร์มการเล่นที่ยอมเยี่ยมของคาลาร์ในตอนนี้ทำให้แฟนบอลของเลสเตอร์ ซิตี้ นั้นปลื้มใจกับการเล่นของเขาเป็นอย่างมากลืมปราการคนเก่าไปเลย และนั่นคือกำลังสำคัญที่จะช่วยทีมตุรกีได้เป็นอย่างดี

4. ฮาคัน ชัลฮาโนลู  เขาคือคนที่มีฟอร์มการเล่นที่ยอดเยี่ยมตลอดฤดูกาลที่เขาอยู่ในทีม เอซีมิลาน แต่ปัจจุบันฮาคาน ชัลฮาโนกลู เผ่นมิลานซบคู่แข่งร่วมเมืองอย่างงูใหญ่ เซ็นสัญญา 3 ปี ถือว่าเป็นนักเตะตุรกีที่มีอนาคตและสามารถช่วยทีมในฟุตบอลโลกได้แน่นอนอินเตอร์ต้องมองหานักเตะสไตล์เพลย์เมกเกอร์มาร่วมทัพ หลังเกิดเหตุ คริสเตียน อีริกเซน ดาวเตะทีมชาติเดนมาร์ก หัวใจหยุดเต้นเฉียบพลันระหว่างแข่งขันแมตช์ในศึกยูโร 2020 จนตอนนี้ต้องใช้เครื่องกระตุ้นหัวใจอัตโนมัติ และไม่รู้ว่าจะกลับมาเล่นฟุตบอลอีกได้หรือไม่  สำหรับชัลฮาโนกลูเพิ่งสิ้นสุดภารกิจกับทีมชาติตุรกีในศึกยูโรหนนี้ โดยไม่สามารถช่วยทีมเก็บได้แม้แต่แต้มเดียว จอดป้ายตั้งแต่รอบแบ่งกลุ่ม ส่วนผลงานกับมิลานฤดูกาลล่าสุด ลงสนามไป 43 นัดรวมทุกรายการ ยิงได้ 9 ประตู จ่ายให้เพื่อนยิงอีก 12 ครั้ง