สนามแข่งฟุตบอลโลก

เอสตาดิโอ เฮอร์นาโด ซิเลส (Estadio Hernando Siles) สนามแข่งฟุตบอลโลก สูงที่สุดในโลกใช้ในเกมส์การแข่งขัน ตัวสนามตั้งอยู่บนความสูงในระดับเหนือน้ำทะเล 11,932 ฟุต หรือ 3,637 เมตร การแข่งขันฟุตบอลโลก หรือ ฟีฟ่า เวิลด์คัพในแต่ละครั้งจะมีการแข่งขันเป็น 2 รอบใหญ่หลักๆเลยก็คือ รอบคัดเลือก ระดับโซนทวีป และ รอบสุดท้าย 32 ทีมชาติฟุตบอลโลกรอบจริง ช่วงการแข่งขันรอบคัดเลือกจะแตกต่างกันไปตามกติกาของสมาพันธ์ฟุตบอลทวีปต่างกันไป โซนอเมริกาใต้ มีสนามฟุตบอลที่อยู่สุงมากเหนือระดับน้ำทะเลเป็นหมื่นฟุตซึ่งเป็นสิ่งที่ได้เปรียบมากๆกับทีมชาติโบลิเวีย การที่ต้องไปอยู่บนที่สูงๆอากาศใช้หายใจย่อมจะเบาบางลงตามไปด้วย เป็นความได้เปรียบอย่างมากของเจ้าถิ่น จนมีคำเปรียบเปรยว่า โบลิเวีย – สมัน = ทีมเยือน แต่จะเป็น ทีเร็กซ์ – เจ้าถิ่นในบ้านตัวเองกันเลยเชียวล่ะ คำเปรียบนี้หมายความว่าถ้าทีมไหนที่มาแข่งในบ้านเตะที่สนามเอสตาดิโอ เฮอร์นาโด ซิเลส ที่เมืองลา ปาซ ทีไรถ้าไม่เตรียมตัวมาให้ดีมีโดนถล่มกลับไปแน่ๆ ถ้าเทียบวัดกันที่ฝีมือทีมชาติโบลิเวียอ่อนที่สุดแล้วในละตินอเมริกาใต้ เจอทีมไหนก็แพ้หมดถ้าตัวเองเป็นทีมออกไปเยือน มีหลายๆประเทศคัดค้านการใช้สนามแห่งนี้ในการแข่งขันฟุตบอลโลกของทีมชาติโบลิเวีย แต่ก็มีบางส่วนออกมาคัดค้านเพราะดูเหมือนเป็นการแบ่งแยกกีดกันมากจนเกินไปไม่เป็นไปตามสิ่งที่ฟีฟ่าอยากจะให้กีฬาฟุตบอลเป็นของทุกๆคน

เอสตาดิโอ เฮอร์นาโด ซิเลส สนามแข่งฟุตบอลโลก ที่ล้มยักษ์มาหลายทีม

ทีมโบลิเวียเจอกับทีมบราซิล

ทีมชาติบราซิล ทีมชาติอาร์เจนตินา แชมป์ฟุตบอลโลกมาแล้วทั้ง  2 ชาติก็เคยพ่ายแพ้ปราชัยให้กับโบลิเวียที่นี่มาแล้วด้วยกันทั้งนั้น ไปพูดให้ใครฟังเขาจะเชื่อว่า ทีมชาติอาร์เจนตินาโดนโบลิเวียถล่มไป 6 – 1 เป็นการแพ้ที่ย่อยยับเสียประตูมากที่สุดในรอบ 60 ปีของอาร์เจนติน่า เหตุการณ์ครั้งนั้นเกิดขึ้นในการแข่งขันฟุตบอลโลก 2010 สำหรับทีมชาติบราซิลโดนยัดเยียดความพ่ายแพ้เป็นครั้งแรกในรอบ 40 คัดเลือกฟุตบอลโลก โซนอเมริกาใต้ที่มาแพ้โบลิเวีย 2 – 0 ก็เป็นสหพันธ์ฟุตบอลบราซิลนี่แหละที่เป็นหัวหอกตัวตั้งตัวตีที่คัดค้านการใช้สนามแข่งขันที่อยู่บนที่สูงๆซึ่งทางฟีฟ่าเองก็เคยออกประกาศห้ามใช้สนามที่สูงเกิน 2,500 เมตรเหนือระดับน้ำทะเลมาแล้วในปี 2007 ซึ่งทางโบลิเวียก็ประท้วงทันทีเช่นกันว่าเป็นการแบ่งแยกแสดงถึงความแตกต่างกีดกันเหมือนการที่คนเหยียดสีผิวเชียวล่ะ สุดท้ายแล้วฟีฟ่าก็ต้องกลับมาให้ใช้สนามได้ตามเดิมในปี 2008 คนที่เป็นหัวหอกเรียกร้องไม่ใช่คนอื่นคนใกล้ นักเตะในตำนานฟุตบอลโลก ดิเอโก้ มาราโดน่า นั่นเอง ถึงขนาดยอมทุ่มทุนลงสนามแข่งเองในวัย 47 ปีที่เจ้าตัวบอกว่าเขาที่อายุขนาดนี้ยังแข่งได้ ทำไมนักเตะที่อ่อนวัยกว่าจะแข่งที่สนามไม่ได้ เคยมีภาพนักเตะทีมชาติบราซิลดังอย่างเนมาร์ที่ต้องสวมหน้ากากออกซิเจนหลังลงสนามแข่งขันเสร็จจบลง เรื่องอากาศเบาบางไม่ใช่เรื่องล้อเล่นแล้วยิ่งต้องวิ่งในสนามเวลาแข่งขันออกซิเจนก็ยิ่งหมดเร็วขึ้นกว่าเดิม แต่มันก็ถือเป็นเสน่ห์ในการแข่งขันฟุตบอลโลกอย่างหนึ่งแล้วกัน

ทีมชาติบราซิลแย่ต้องพึ่งออกซิเจน