
ฟุตบอลโลกหนนี้แม้ฝรั่งเศสจะเครื่องร้อนช้า กว่าจะแผ่รัศมีมีทีมชาติเข้าชิงได้ก็ผ่านไปแล้ว 4 นัดในรอบ 16 ทีมสุดท้ายที่เฉือนเอาชนะอาร์เจนตินา 4-3 แต่หลังจากนั้นเป็นต้นมาพวกเขาก็รักษามาตรฐานของตัวเองได้อย่างต่อเนื่องจนผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศในที่สุด ทัพตราไก่ลงเล่นในทัวร์นาเมนต์ปีที่ผ่านมา 2021 ทั้งหมด 6 นัดชนะ 5 เสมอ 1 เป็น 1 ใน 2 ทีมที่ยังไม่แพ้ใครเลยร่วมกับโครเอเชีย ยิงได้รวม 10 ประตู เสียไป 4 ลูก ส่วนสถิติการพบกันก่อนหน้านี้ เลส์ เบลอส์ ก็ยังเหนือกว่าทัพโครแอต เจอกัน 5 ครั้งชนะได้ 3 นัด เสมอ 2 ซึ่งหนึ่งในชัยชนะของฝรั่งเศสที่มีเหนือโครเอเชียเกิดขึ้นในฟุตบอลโลกปี 1998 รอบรองชนะเลิศ ที่เอาชนะไปได้ 2-1 พร้อมกรุยทางสู่รอบชิงชนะเลิศไปพบบราซิลและคว้าแชมป์ฟุตบอลโลกสมัยแรกในฐานะชาติเจ้าภาพได้สำเร็จ ซึ่งผ่านไป 20 ปี ฟุตบอลโลกครั้งนี้ ฝรั่งเศสจะรักษาสถิติเดิมเบียดเอาชนะโครเอเชียพร้อมคว้าแชมป์สมัยที่ 2 ของตัวเองได้หรือไม่ วันนี้เราได้รวบรวมเหตุผลที่เชื่อว่าฝรั่งเศสคู่ควรกับการเป็นยอดทีมในทัวร์นาเมนต์หนนี้มาไว้ให้แล้ว
1. ประสบการณ์ในเกมนัดชิงชนะเลิศ
หลังจากอกหักในบ้านตัวเองในฟุตบอลยูโร 2016 จบทัวร์นาเมนต์ด้วยการเป็นแค่รองแชมป์แบบน่าเสียดาย ดิดิเยร์ เดสชองส์ ยังคงได้รับโอกาสทำทีมต่อและใช้เวลาเพียง 2 ปีก็พาลูกทีมเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศรายการใหญ่ในระดับนานาชาติได้สำเร็จอีกหนซึ่งทีมชาติฝรั่งเศสชุดนี้มีตัวผู้เล่นหลงเหลือจากชุดรองแชมป์ยูโรเมื่อ 2 ปีที่แล้ว 9 คน ประกอบไปด้วย อูโก โยริส สตีฟ ม็องด็องด้า อาดิล รามี ซามูเอล อุมติตี้ แบลส มาตุยดี พอล ป็อกบา เอ็นโกโล ก็องเต อองตวน กรีซมันน์ และ โอลิวิเยร์ ชิรูด์ ทำให้พวกเบามีประสบการณ์การรับมือกับความกดดันในเกมนัดชิงชนะเลิศเป็นพิเศษพร้อมยังเป็นการบอกใบ้ว่าทีมชุดนี้สุกงอมจนถึงช่วงเวลาที่ต้องเก็บเกี่ยวเต็มทนแล้วซึ่งความผิดหวังต่อหน้าแฟนบอลในบ้านตัวเองและความกระหายของเหล่านักเตะหนุ่มทำให้ทัพเลส์ บอลชุดนี้ผ่านเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศฟุตบอลโลกปีนี้ได้สำเร็จพร้อมพร้อมปมในใจที่ต้องแก้ด้วยการคว้าถ้วยรางวัลแชมป์ฟุตบอลโลกสมัยที่ 2 กลับคืนสู่ประเทศให้จงได้
2. ความไวสายฟ้าฟาดของเอ็มบัปเป้ และอิทธิพลในเกมรุกของคู่หูกรีซมันน์-ซิรูด์
ด้วยฟอร์มการเล่นที่เกินวัยความเร็วระดับแนวรุก คีเลียน เอ็มบัปเป้ศูนย์หน้าดาวรุ่งทีมชาติฝรั่งเศส วัย 19 ปี คือ นักเตะทีนเอจที่โดดเด่นที่สุดในฟุตบอลโลกหนนี้และน่าจะคว้ารางวัลดาวรุ่งยอดเยี่ยมมาครองโดยไร้คู่แข่งต่อกร ซึ่งเอ็มบัปเป้ลงเล่นไปทั้งหมด 6 นัดยิงได้ 3 ประตู นำเป็นดาวซัลโวสูงสุดของทีมร่วมกับกรีซมันน์ แตกต่างกันตรงที่ทั้ง 3 ลูกของดาวเตะวัย 19 ปี มาจากจังหวะโอเพ่นเพลย์ล้วนๆ ส่วนกรีซมันน์เป็นการยิงจุดโทษ 2 ลูกเขายังได้ชื่อว่าเป็นดาวรุ่งคนที่ 2 ต่อจากเปเลที่สามารถยิงประตูในฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายได้ 2 ลูกใน 1 แมตช์ ซึ่งเคยทำเอาไว้เมื่อ 60 ปีที่แล้วในฟุตบอลโลก 1958 และต้องบอกเลยว่ากรีซมันน์และชิรูด์ คือ แกนหลังในเกมรุกของฝรั่งเศสที่รู้อกรู้ใจและลงเล่นร่วมกันมาตั้งแต่ฟุตบอลยูโร 2016 ทั้งคู่รู้ว่าจังหวะไหนต้องเล่นอย่างไรบ้าง นี่คือ 3 ตัวอันตรายในเกมรุกที่โครเอเชียจะประมาทไม่ได้เด็ดขาดเลยทีเดียว

3. เอ็นโกโล ก็องเต ต้นแบบนักเตะที่ทำให้เพื่อนร่วมทีมเบาแรงและเล่นกันง่าย
กองกลางตัวรับจากเชลซีได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในผู้ปิดทองหลังพระตัวจริงพร้อมทั้งได้รับการยกย่องว่าเป็นต้นแบบของกองกลางตัวตัดเกมที่ดีที่สุดของโลกฟุตบอลยุคนี้ แถมยังเปลี่ยนจังหวะจากรับเป็นรุกได้ในชั่วพริบตา แม้จะมีแค่ส่วนสูงแค่ 168 ซม. เท่านั้น แต่ก็องเต้ไม่ยอมปล่อยให้ข้อจำกัดด้านสรีระร่างกายมาเป็นอุปสรรคในการเล่นฟุตบอลของเขาฟุตบอลโลกครั้งนี้ลงเล่นทุกนัดทั้งหมด 540 นาทีเต็ม แย่งบอลจากเท้าคู่แข่งได้ 19 ครั้งเป็นนรองแค่ โรมัน ซอบนิน จากรัสเซียที่ทำได้ 20 ครั้ง สถิติที่น่าสนใจอีกอย่างระหว่างการจับคู่ของป็อกบาและก็องเตคือ ทั้งคู่ลงเล่นร่วมกัน 18 ครั้ง ทีมชาติฝรั่งเศสยังไม่เคยแพ้เลย
ซึ่ง 4 ปีผ่านไปไวเหมือนโกหก ใครที่อยากมีโมเม้นต์ตื่นเต้นแบบนี้แพลนไปเชียร์ไว้ล่วงหน้าได้เลย บอลโลก 2022 จะจัดขึ้นที่ประเทศกาตาร์ ห่วงอย่างเดียวคือความร้อนแผดเผาแต่ก็ได้ยินมาว่าเจ้าภาพเขาจะเล่นใหญ่ สร้างสนามฟุตบอลติดแอร์ขึ้นมาจริงหรือไม่แฟนบอลต้องมาจับตาดูกัน