“เนย์มาร์” ซูเปอร์สตาร์ลูกหนังอันดับหนึ่งของประเทศบราซิล เปรยเป็นนัยว่าฟุตบอลโลก 2022 ที่กำลังจะจัดขึ้นในช่วงปลายปีที่ประเทศกาตาร์อาจจะเป็นฟุตบอลโลกครั้งสุดท้ายชีวิตของเขา ดาวเตะวัย 29 ปี ซึ่งเป็นซูเปอร์สตาร์ที่โด่งดังในวงการฟุตบอลมาตั้งแต่เด็ก และเป็นคนที่ถูกคาดหวังสูงสุดจากชาวบราซิลมาตลอด ได้กล่าวถึงอนาคตในการเล่นเป็นครั้งแรกในสารคดีชีวิตส่วนตัว “Neymar & The Line of Kings ที่ผลิตโดย DAZN ถึงฟุตบอลโลกในปีหน้าที่ประเทศกาตาร์ว่าอาจเป็นครั้งสุดท้าย เนื่องจากไม่รู้ว่าสภาพจิตใจจะแบกรับแรงกดดันได้ไหวอีกหรือไม่

“ผมคิดว่ามันจะเป็นฟุตบอลโลกครั้งสุดท้ายของผม” เนย์มาร์กล่าว “ผมจะเผชิญหน้ากับมันให้เหมือนกับเป็นฟุตบอลโลกครั้งสุดท้าย เพราะผมไม่รู้ว่าด้วยสภาพจิตใจของผมแล้วจะยังอยากเล่นฟุตบอลต่อได้อีกแค่ไหน แต่ผมจะพยายามทำทุกอย่างเพื่อผลงานให้ดีที่สุดที่นั่น ผมจะพยายามทำทุกอย่างเพื่อคว้าแชมป์ให้ประเทศของผม และทำความฝันที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่ผมฝันมาตั้งแต่เด็กให้เป็นจริง ผมหวังว่าผมจะสามารถทำมันได้”

สำหรับ เนย์มาร์ ผ่านการเล่นฟุตบอลโลกมาแล้ว 2 ครั้ง ในปี 2014 ที่บ้านเกิดในประเทศบราซิลซึ่งเป็นรายการที่ถูกคาดหวังอย่างมากว่าจะพาทีม “เซเลเซา” คว้าแชมป์โลกสมัยที่ 6 แต่กลับได้รับบาดเจ็บที่หลังในระหว่างเกมรอบ 8 ทีมสุดท้ายกับโคลอมเบีย ทำให้ไม่สามารถลงเล่นต่อได้ในรายการที่เหลือ ส่วนบราซิลตกรอบรองชนะเลิศแบบน่าอับอายเมื่อต้องมาแพ้เยอรมันถึง 1-7 ขณะที่ในปี 2018 ได้รับบาดเจ็บที่เท้าก่อนเริ่มรายการทำให้สภาพร่างกายนั้นไม่พร้อมสมบูรณ์ 100 เปอร์เซ็นต์ และสุดท้ายบราซิลก็ต้องพ่ายให้กับเบลเยียม 1-2 ตกรอบ 8 ทีมสุดท้ายเช่นกัน

จุดแจ้งเกิดมากที่สุดในชีวิตของเขาเริ่มต้นขึ้นที่นี่

การย้ายทีมเข้าสู่บาร์เซโลนาของเนย์มาร์อยู่ที่ 57 ล้านยูโร และมีค่าฉีกสัญญาอยู่ที่ 190 ล้านยูโร เนย์มาร์ยิงประตูแรกในการแข่งขัน Thailand XI ในวันที่ 7 สิงหาคม เป็นช่วงเวลาของการปรับตัวให้เข้ากับสโมสรของช่วง Per- Season ซื่อถือว่าเป็นเรื่องปกติของนักเตะบราซิลที่โตมากับการกินข้าว ถั่ว และ ฟาโรฟา ขนมปัง นั่นจึงทำให้เขาต้องเข้าโปรแกรมในการควบคุมอาหารเสริมสร้างกล้ามเนื้อ วิตามิน โปรตีน และระบบขับถ่าย ในฤดูกาล 2013-14 การลงแข่งขันในรายการแรกของเนย์มาร์ คือ การลงไปแทนอเล็กซิสซานเชซ ในเกมที่พบหับเลบานเต้โดยชนะไปสกอร์ 7-0 และเป็นการทำ 1 ประตู และ 1 แอสซิส ทำให้ชนะเรอัล มาดริดไป 2-1 จากนั้นก็ยิง แฮตทริกในรายการยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ในวันที่ 11 ธันวาคม ต่อมาในฤดูกาล 2014-15 เนย์มาร์จบฤดูกาลด้วย 39 ประตู ในทุกการแข่งขันทำให้การโจมตีสามคนของ Messi , Luis Suarez และ Neymar ได้รับการขนานนามว่า MSN จบลงด้วย 122 ประตู ในฤดูกาล 2015-16 เนย์มาร์ได้รับการคัดเลือกให้เข้าร่วมงาน FIFA Ballon d’Or และได้รับรางวัลเป็นลำดับที่ 3 ต่อจาก เมสซี่ ซัวเรส และ เนย์มาร์ จบสกอร์รวมกันด้วย 131 ประตู ต่อในฤดูกาล 2016-17 การคัมแบ็กที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของแชมเปี้ยนส์ ลีก ชัยชนะเหนือปารีสแซงแชร์กแมงใน 6-1 หลังจากนัดก่อนหน้านี้พ่ายไป 4-0 ด้วยการทำ 2 ประตู ซึ่งก่อนหน้าเกมการแข่งขัน เขาได้กล่าวไว้ในห้องแต่งตัวว่า “ฉันจะสอนยิงสองประตู และเป็นส่วนสำคัญในการพาเรากลับมาให้ได้” 

เขายิงประตูที่ 100 ให้กับสโมสรในเกมที่พบกับ กรานาด้า ในเดือนเมษายน เป็นจำนวน 177 นัด ซึ่งเวลาน้อยกว่าเมสซี่ 9 นัดและเพียงแค่ 4 คนเท่านั้นที่ยิงครบ 100 ประตูให้กับบราซ่าได้เร็วกว่าและลงแข่งเป็นจำนวน 186 นัด กับ 105 ประตู ก่อนจะสร้างประวัติศาสตร์อีกครั้งด้วยค่าตัวที่แพงมากที่สุดในประวัติศาสตร์ 222 ล้านยูโร ถึงแม้ว่าจะมีข้อเสนอการซื้อขายจากทีมแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด 228 ล้านยูโร ก็ตาม เขาคือหนึ่งในผู้เล่นที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์ หากว่าวันหนึ่งเราจะไม่ได้เห็นเขาเล่นให้กับทีมชาติ แต่อย่างน้อยเราก็ยังเห็นเขาเล่นให้กับสโมสรอื่นๆ อยู่ ซึ่งไม่ว่าเนย์มาร์จะตัดสินใจเช่นไรกับวงการลูกหนัง อย่างไรแล้วเหล่าแฟนบอลของเขาก็พร้อมจะสนับสนุนทุกทางเหมือนเดิม