ย้อนรอยเริ่มต้นเส้นทางการ ถ่ายทอดสด ฟุตบอลโลก ในประเทศไทยเริ่มตั้งแต่ปีไหน? ใครบ้างที่รู้ข้อมูลเหล่านี้เชื่อว่ามีคนไม่เยอะหรอกที่จะรู้ว่าในเมืองไทยบ้านเราได้ดูถ่ายทอดสดฟุตบอลโลกกันมาตั้งแต่ตอนไหนเพราะว่าส่วนใหญ่แล้วคนจะรอส่งคูปองทายผลกับบรรดาหนังสือพิมพ์ นิตยสารต่างๆที่ชอบออกมาในช่วงนั้นซะมากกว่า ฟุตบอลโลก ฟีฟ่า เวิลด์คัพ ศึกการแข่งขันกีฬาลูกหนังฟุตบอลทีมชาติชายระหว่างประเทศที่จัดขึ้นทุกๆ 4 ปีหรือที่เราอาจจะเรียกกันตามชื่อประเทศเจ้าภาพผู้จัดการแข่งขันในแต่ละครั้งอย่างเช่น ฟร๊องซ์ 1998 รัสเซีย 2018 ซึ่งครั้งล่าสุดที่กำลังจะมาถึงในอีกไม่ช้าก็คือฟุตบอลโลก ครั้งที่ 21 ฟีฟ่า เวิลด์คัพ กาตาร์ 2022 ที่ประเทศกาตาร์ได้รับสิทธิ์จากทางฟีฟ่าให้เป็นผู้จัดการแข่งขันในครั้งนี้ แน่นอนว่าเราพี่น้องชาวไทยก็คงอยากที่จะเห็นทัพช้างศึกทีมชาติไทยของเราได้ไปเล่นบอลโลกดูบ้างซักครั้ง แต่เรื่องนั้นเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ยากมากเพราะผลงานที่ดีที่สุดของทัพไทยคือผ่านเข้ารอบ 12 ทีมสุดท้ายรอบ คัดเลือก ฟุตบอลโลก โซนเอเชีย นับตั้งแต่เข้าร่วมการแข่งขันเป็นต้นมาไม่ใช่ว่านักเตะไทยไม่เก่งแต่ด้วยทักษะและรูปร่างของนักกีฬาที่เป็นรองหลายๆชาติเลยเป็นเรื่องยากแต่ก็ไม่เป็นไรทีมชาติไทยไม่ได้ไปแข่งขันเราก็มานั่งเชียร์ทีมที่ได้ไปแข่งกันผ่านการถ่ายทอดสดฟุตบอลโลกเอาใจช่วยทีมชาติใหญ่ๆระดับโลกที่จะลงสนามฟาดแข้งเพื่อชิงความเป็นที่ 1 ในกีฬาฟุตบอล

ตำนานการ ถ่ายทอดสด ฟุตบอลโลก ในประเทศไทย

ประเทศไทยเริ่มออกอากาศแพร่ภาพถ่ายทอดสดเกมส์การแข่งขันฟุตบอลโลก ฟีฟ่า เวิลด์คัพ มาตั้งแต่ปี 1970 หรือ พ.ศ. 2513 จากประเทศเม็กซิโกเป็นการจัดแข่งขันฟุตบอลโลกครั้งที่ 9 เป็นครั้งแรกที่เจ้าภาพจัดการแข่งขันอยู่ในทวีปอเมริกาเหนือและครั้งแรกที่จัดการแข่งขันนอกเหนือจากทวีปยุโรปและอเมริกาใต้ คนไทยได้รับชมการถ่ายทอดสดฟุตบอลโลกเป็นครั้งแรกในนัดชิงชนะเลิศระหว่างทีมชาติบราซิล กับ ทีมชาติอิตาลี ผลการแข่งขันเปเล่พาทีมชาติบราซิลชูถ้วยรางวัลเอาชนะอิตาลีไป 4 – 1 โดยรัฐบาลเป็นผู้เริ่มต้นซื้อลิขสิทธิ์เป็นครั้งแรกในการถ่ายทอดสดให้ชาวไทยได้รับชมและอีก 4 ปีต่อมาก็เริ่มถ่ายทอดสดมากขึ้นทั้งวันเปิดการแข่งขัน วันปิดการแข่งขันจนมาถึงปี 1990 (พ.ศ.2533) ที่ถ่ายทอดสดจนครบทุกนัดทุกแมตช์ตั้งแต่รอบสุดท้ายจนถึงรอบชิงชนะเลิศ ตอนนี้ภาคเอกชนเป็นผู้ดำเนินการถ่ายทอดสดในประเทศไทยเนื่องจากจะต้องเสียเงินประมูลค่าลิขสิทธิ์สัญญาณกับทางฟีฟ่าซึ่งมีมูลค่าสูงมาก อย่างเช่น รัสเซีย 2018 ค่าลิขสิทธิ์อยู่ที่ 960 ล้านบาทแล้วยังมาติดกฎ Must Have ของทาง กสทช. ที่จะต้องให้ถ่ายทอดสดแบบฟรีๆให้คนไทยได้ดูอีกทำให้ภาคเอกชนไม่ค่อยสนใจที่จะประมูลสัญญาณถ่ายทอดสดมาในเมืองไทยในปัจจุบันอย่างเช่นล่าสุดฟุตบอลยูโรก็เป็นการรวมตัวกันของทั้งภาครัฐและเอกชนเข้าหุ้นลงขันไปประมูลลิขสิทธิ์มาถ่ายทอดให้ดูกันก็เกือบๆจะวันสุดท้ายทีเดียว ถึงแม้ว่าประเทศไทยจะไม่มีบอลโลกสดให้ได้ดูแต่เชื่อว่าคอบอลชาวไทยก็จะพยายามหาช่องทาง หาที่ดูบอลโลกจนได้เหมือนเดิม ไม่ว่าจะเป็นเว็บบอลเถื่อน เคเบิ้ลนอก VPN อะไรก็แล้วแต่แม้ว่าจะไม่มีคนมาพากษ์ห้เข้าใจอาศัยเสียงเชียร์ดังๆก็มันส์ร่วมกันกับแฟนฟุตบอลทั่วโลกเหมือนเดิมก็มารอดูแล้วกันว่ารอบนี้ฟุตบอลโลก กาตาร์ 2022 ปีหน้าที่จะถึงจะเป็นใครที่ได้ลิขสิทธิ์หรือจะไม่มีเลยก็รอลุ้นแล้วกันพี่น้องแฟนบอลชาวไทยทั้งหลาย