พร้อมคืนสนาม เอริคเซ่น หรือ คริสเตียน เอริคเซ่น ระบุเป้าหมายของตนเองในตอนนี้คือ การได้ไปเล่นฟุตบอลโลก 2022 ที่กำลังจะมีขึ้นในปลายปีนี้ พร้อมยอมรับว่าตอนที่ตนสลบไปนั้นตนเหมือนกับตายไปแล้วเลย ซึ่งล่าสุดวันที่ 6 มกราคม 2022 พร้อมคืนสนาม เอริคเซ่น กองกลางชาวเดนมาร์ก กล่าวว่าตนได้ตั้งเป้าหมายที่จะติดทีมชาติเดนมาร์กไปลุยศึกฟุตบอลโลก 2022 รอบสุดท้ายที่ประเทศกาตาร์เป็นเจ้าภาพ หลังจากที่เพิ่งฟื้นตัวจากอาการหัวใจล้มเหลวเฉียบพลันได้แล้ว

เมื่อช่วงซัมเมอร์ปี 2021 ที่ผ่านมา เอริคเซ่น กลายเป็นข่าวดังไปทั่ววงการลูกหนังทั่วโลก หลังจากที่จู่ๆ เขาก็สลบเหมือดคาสนามระหว่างเกมยูโร 2020 รอบแบ่งกลุ่ม นัดที่บ้านเกิดของตัวเองเจอกับ ฟินแลนด์ เมื่อช่วงเดือนมิถุนายน ที่ผ่านมาจนทำให้การแข่งหยุดชะงักและนำเขาไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลเป็นการด่วน หลังจากที่เข้ารับการรักษาจนอาการดีขึ้นแล้วนั้น เอริคเซ่นจำเป็นต้องใส่เครื่องกระตุ้นหัวใจด้วยไฟฟ้าแบบสอดใส่ (ไอซีดี) ก่อนที่เจ้าตัวจะรอดตายมาได้ในครั้งนั้น ถึงอย่างไรแล้ว เหตุการณ์ดังกล่าวก็ทำให้อินเตอร์มิลาน ทีมดังของ ศึกกัลโช่ เซเรีย อา อิตาลี จำเป็นต้องยกเลิกสัญญาของเขาทันที เพราะกฎของลีกอิตาลี ระบุว่าคนที่ติดเครื่องดังกล่าวจะไม่ได้รับอนุญาตให้เล่นในลีกอาชีพ หรือไม่อนุญาตให้นักกีฬาที่มีความเสี่ยงด้านสุขภาพลงเล่นเด็ดขาด จากกรณีดังกล่าว ทำให้อินเตอร์ ต้องยกเลิกสัญญากับนักเตะเพื่อที่จะทำให้เอริคเซ่น สามารถย้ายไปเล่นในลีกอื่นที่ไม่ได้มีการแข่งขันกันสูงได้ รวมทั้งโพสต์ผ่านสื่ออนไลน์ของสโมสรด้วยข้อความว่า “ขอบคุณ คริสเตียน เอริคเซ่น” ซึ่งจนถึงตอนนี้แข้งวัย 29 ปี ก็ยังหาสังกัดใหม่ไม่ได้เลย โดยก่อนหน้านี้เข้าได้ไปซ้อมกับทีมในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ขณะที่ล่าสุดเป็นที่เชื่อว่าแพทย์อนุญาตให้เขานั้นกลับมาเล่นฟุตบอลอาชีพได้เพราะมองว่าเขานั้นมีความพร้อมทั้งทางด้านสภาพร่างกายและจิตใจแล้ว เอริคเซ่น ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อของบ้านเกิดว่า “เป้าหมายของผมคือการได้เล่น ฟุตบอลโลกที่กาตาร์ ผมอยากลงไปเล่นในสนามนั่นเป็นหลัก ความคิดของผมมาโดยตลอด มันเป็นทั้งเป้าหมายและความฝันของผม การที่สุดท้ายแล้วผมจะถูกเลือกหรือไม่นั้นมันเป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่ความฝันของผมคือการได้กลับไปเล่นฟุตบอลในสนาม”

“ผมมั่นใจว่าผมสามรถกลับมาลงเล่นได้เหมือนเดิม เพราะตอนนี้ผมไม่ได้รู้สึกต่างไปจากเมื่อก่อน ในด้านร่างกายแล้วผมกลับอยู่ในสภาพที่ดีสุดด้วยซ้ำไป ตอนนี้ต้องถือว่ามันเป็นเป้าหมายอันดับแรกของผมเลย และมันยังเหลือเวลาอีกหน่อย ดังนั้น จนกว่าจะถึงตอนนั้นผมก็แค่ต้องตั้งหน้าตั้งตาเล่นฟุตบอลไปและพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นว่าผมสามารถกลับไปอยู่ในระดับเดิมได้แล้ว” นอกจากนี้ แข้งเลือดโคนมเสริมว่า ตอนที่ตนได้สลบไปนั้นเหมือนกับว่าตายไปแล้วเลยเป็นเวลา 5 นาที “ตอนที่ผมอยู่ที่โรงพยาบาลน่ะพวกเขาบอกว่าผมได้รับดอกไม้เยอะมากๆ มันเป็นเรื่องที่แปลกนะเพราะผมไม่คาดคิดว่าจะมีคนส่งดอกไม้มาให้ผม ตอนนั้นผมเหมือนตายไปแล้ว 5 นาที ก็ว่าได้ มันเป็นเรื่องที่ประหลาดมาก แต่ในอีกมุมหนึ่งมันก็เป็นเรื่องที่ดีมากๆ ที่ทำให้ผมรับรู้ได้ว่ามีคนคอยให้กำลังใจผมอยู่เสมอ ซึ่งมันช่วยผมได้เยอะมากๆ เลย และทุกวันนี้ก็ยังมีบางคนที่เขียนจดหมายมาให้ กำลังใจผมอีกด้วย”