
เป็นอันว่าศึก ฟุตบอลโลก 2022 รอบคัดเลือก รอบแรกของโซนยุโรปจบลงไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยที่ชาติยักษ์ใหญ่หลายชาติก็จองตั๋วสำหรับการไปเล่นที่ กาตาร์ ในปีหน้าได้ตามความคาดหมายของหลายฝ่ายอย่าง เช่น อังกฤษ, เยอรมนี, ฝรั่งเศส, สเปน, เบลเยียม และ ฮอลแลนด์ เป็นต้น ในขณะที่อีกด้านมันก็มีหลายชาติที่ต้องไปลุ้นกันในรอบเพลย์ออฟ กันต่อ ไม่ว่าจะเป็น โปรตุเกส อิตาลี สวีเดน โปแลนด์ เวลส์ และตุรกี เป็นต้น โดยการเล่นรอบ เพลย์ออฟ จะเป็นการลุ้นตั๋วใบสุดท้ายเพื่อเข้าสู่การแข่งขันรอบสุดท้ายของ ฟุตบอลโลก 2022 ที่ประเทศกาตาร์
แน่นอนว่ารายของชาติโปรตุเกสกับอิตาลี นั้นถือว่าเป็นอะไรที่น่าเซอร์ไพรส์มากที่สุด เพราะทั้ง 2 ชาติต่างก็เป็นชาติยักษ์ใหญ่และตอนแรกหลายคนก็มองว่าพวกเขานั้นน่าจะอยู่ในกลุ่มที่ไม่แข็งเท่าไหร่นักจนไม่น่าจะพลาดตำแหน่งแชมป์ของกลุ่มไปได้แบบนี้ ถึงกระนั้น ความเซอร์ไพรส์ก็เป็นสิ่งที่อยู่กับเกมลูกหนังอยู่เสมอ ซึ่งนับตั้งแต่เกมฟุตบอลโลก รอบคัดเลือก ของโซนยุโรปมีการแข่งรอบ 2 หรือรอบเพลย์ออฟเฉพาะทีมในโซนยุโรปด้วยกันมาตั้งแต่ ศึกฟุตบอลโลก 1998 เป็นต้นมานั้นก็มีชาติที่ต้องมาเหนื่อยในรอบเพลย์ออฟกัน และวันนี้เราจะมาย้อนความหลังในแต่ละครั้งกันสักหน่อยเป็นการอุ่นเครื่องรอการแข่งขันรอบเพลย์ออฟที่กำลังจะมีขึ้นในต้นปี2022 กัน
ฟุตบอลโลก 2018
ในบรรดา 8 ชาติที่ต้องมาโม่แข่งกันต่อในรอบเพลย์ออฟนั้น อิตาลี ถือเป็นชาติที่ดังมากที่สุดในตอนนั้น โดยส่วนหนึ่งพวกเขาไม่ได้เป็นแชมป์กลุ่มในรอบแบ่งกลุ่มนั้นเป็นเพราะพวกเขาโชคร้ายที่ถูกจับไปอยู่ในกลุ่มเดียวกับทีมชาติสเปน นั่นเอง ซึ่งตอนนั้น อิตาลี ก็จบรอบกลุ่มด้วยการมีคะแนนน้อยกว่า สเปน 5 แต้ม เมื่อความซวยได้ตกลงมาเป็น อิตาลี ที่พวกเขาต้องได้ไปเล่นในรอบเพลย์ออฟซึ่งถูกจับไปชนกับ สวีเดน เรียกได้ว่าเจอทีมที่แกร่งพอตัว และสุดท้าย อิตาลี ก็แพ้ด้วยสกอร์รวม 2 นัด 0-1 ส่งผลให้ทัพ อัซซูรี่ ไม่ได้ลงเล่นศึกฟุตบอลโลก รอบสุดท้าย เป็นครั้งแรก นับตั้งแต่ปี 1958
ฟุตบอลโลก 2014
ด้วยความที่ชาติโปรตุเกสนั้นมีดีกรีไปถึงรอบรองชนะเลิศศึกยูโร 2012 ทำให้หลายคนคิดว่าพวกเขานั้นมีอนาคตที่สดใสพอตัวกับศึกฟุตบอลโลก 2014 แถมผลการจับสลากรอบแบ่งกลุ่มออกมาแล้วนั้นกลุ่มของพวกเขาก็ไม่โหดเท่าไหร่ด้วย เพราะมี รัสเซีย อิสราเอล อาเซอร์ไบจาน ไอร์แลนด์เหนือ และ ลักเซมเบิร์ก เป็นเพื่อร่วมกลุ่ม อย่างไรก็ตาม สุดท้ายแล้ว โปรตุเกส ก็จบรอบแบ่งกลุ่มด้วยการเป็นเพียงอันดับ 2 จากการมีคะแนนแพ้ รัสเซีย 1 แต้ม และพอผลจับสลากรอบเพลย์ออฟออกมาแล้วพวกเขาก็ยังไปชนกับ สวีเดน ที่นำทัพ โดย ซลาตัน อิบราฮิโมวิช อีก เดชะบุญที่สุดท้ายพวกเขาชนะด้วยสกอร์รวม 2 นัด 4-2 โดยที่ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ทำคนเดียวทั้ง 4 ประตูเลยด้วย

ฟุตบอลโลก 2006
จริงอยู่ที่ว่า ก่อนหน้านั้นจะเป็นยุคทองของ สเปน ที่ได้แชมป์ ยูโร 2008 ฟุตบอลโลก 2010 และ ยูโร 2012 ในขณะนั้น ลา โรฆา ไม่ใช่ทีมที่มีผลงานในทัวร์นาเมนท์ใหญ่ๆ ดี เท่าไหร่นัก แต่ตอนนั้นก็ไม่มีใครคาดคิดว่าพวกเขาจะจบรอบแบ่งกลุ่มของศึก ฟุตบอลโลก 2006 รอบคัดเลือก ด้วยการเป็นเพียงที่ 2 ของกลุ่ม 7 โดยพวกเขาแพ้ เซอร์เบีย แอนด์ มอนเตเนโกร แชมป์ของกลุ่มไปเพียง 2 แต้ม อย่างไรก็ตาม สเปน ก็ไม่เสียหน้าในการลงเล่นรอบ 2 เพราะพวกเขานั้นไล่ต้อน สโลวาเกีย ไปด้วย สกอร์รวม 2 นัด 6-2 โดยถ้าจะบอกว่ามันลงตั้งแต่นัดแรกแล้วก็ไม่ผิดนัก เพราะในนัดแรก สเปน เปิดบ้านชนะ สโลวาเกีย 5-1 ก่อนที่ในนัดสองจะจบลงที่การเสมอ กัน 1-1
ฟุตบอลโลก 2002
หลังจากที่ผลจับสลากของศึก ฟุตบอลโลก 2002 รอบคัดเลือก โซน ยุโรป ออกมานั้น หลายคนก็ฮือฮากันสุดๆ กับการที่ อังกฤษ กับ เยอรมนี ถูกจับมาอยู่ในกลุ่ม 9 ด้วยกัน โดยที่มี ฟินแลนด์ กรีซ และ แอลเบเนีย อยู่เป็นเพื่อรวมกลุ่ม แน่นอนว่า สิงโตคำราม กับ อินทรีเหล็ก เบียดสู้กันอย่างดุเดือด ก่อนที่สุดท้ายพวกเขาจะเก็บได้ 17 คะแนนเท่ากัน แต่ตำแหน่งแชมป์กลุ่มและตั๋วสู่รอบสุดท้ายตกเป็นของ อังกฤษ จากการที่พวกเขามีผลต่างประตูได้- เสีย ดีกว่า ในรอบคัดเลือกรอบ 2 นั้น เยอรมนี ถูกจับไปชนกับยูเครน ซึ่งเกมแรกที่บ้านของยูเครน จบลงที่การเสมอกัน 1-1 ก่อนที่ในนัดสอง เยอรมนีจะเอาชนะไปแบบขาดลอบ 4-1 จนทำให้พวกเขาชนะด้วยสกอร์ รวม 5-2 ในที่สุด
ฟุตบอลโลก 1998
อังกฤษ กับ อิตาลี เบียดกันสนุกมากในการเล่นรอบคัดเลือก รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่ม 2 ก่อนที่สุดท้าย อังกฤษจะได้แชมป์กลุ่มไปครองในสภาพที่เฉือนชนะ อิตาลี ไปได้ 1 คะแนน โดยที่จริงแล้ว อัซซูรี่ ไม่แพ้ใครในรอบแบ่งกลุ่มเลยด้วยตลอดการลงเล่น 8 เกม แบ่งเป็นการชนะ 5 นัด กับเสมอ 3 หน ทั้งนี้ในรอบ 2 อิตาลี ต้องมาชิงตั๋วกับ รัสเซีย ซึ่งนัดแรกขุนพลจากแดน มะกะโรนีบุกไปเสมอกับอีกฝ่ายได้ 1-1 และพอมาเตะนัดสองที่ สตาดิโอ เปาโล ในเมืองเนเปิ้ลส์ พวกเขาก็ชนะไป 1-0 จนทำให้ อิตาลี ได้เดินทางสู่ฝรั่งเศสในท้ายที่สุด
